12 March 2016

12.03.2016

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เตยจะอยู่ที่หอนักเรียน Adlershof นี้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะรู้สึกแบบนี้-- ผูกพัน ถึงมันจะแค่แปปเดียว สี่เดือนครึ่งที่ผ่านมาก็เป็นช่วงที่ดีนะที่นี่ ถึงมันจะอยู่ไกลจากตัวเมืองมากก็ตาม แต่มันก็สบายใจ อยู่แล้วมีความสุขนะ เตยพูดได้เต็มปาก คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก จริงซะยิ่งกว่าจริง เตยคงจะคิดถึงห้องออกกำลังกายที่ช่วงนี้ติดมาก เข้าเกือบทุกวัน คงจะคิดถึงเสียงรถรางวิ่งเข้าวิ่งออกที่ได้ยินตลอดทั้งวันทั้งคืน คิดถึงกุญแจสุดทันสมัยที่กดเปิดประตูติดบ้างไม่ติดบ้าง (ฮา) คิดถึงตอนนอนอ่านนิยายบนเตียงสูงๆที่ต้องกระโดดขึ้นทุกครั้ง แต่เตยก็ตัดสินใจไปแล้ว อย่างที่แพะบอก มันไม่มีการตัดสินใจที่ผิดหรอก มีแค่ดี กับดีที่สุดเท่านั้นเอง

ชีวิตมันก็ยังเดินต่อไปข้างหน้า ตอนนี้อาจจะรู้สึกว่าติดขัดลำบากไปบ้าง แต่เตยเชื่อนะว่าเตยจะผ่านไปได้ ถึงจะมีสอบติดกันอาทิตย์หน้านี้ ต้องเก็บของย้ายบ้าน คอมเสีย เตยก็ยังเชื่อว่าเตยพยายามที่สุดแล้ว เตยจะผ่านเวลาเหล่านี้ไปได้ ปัญหาจะเข้ามาอีกเท่าไหร่ก็เริ่มคุ้นเคยกับมันมากขึ้น ในทุกๆวันก็มีทั้งเรื่องดีเรื่องแย่ มันขึ้นอยู่กับเราจริงๆว่าเราจะเก็บอะไรมาใส่ใจ เอาอะไรมาคิด ความสุขมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราทั้งหมดจริงๆ ยิ่งปล่อยวางได้ ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

เป้าหมาย ความฝัน ความตั้งใจ ต้องเป็นอะไรที่เตยห้ามทิ้ง ก่อนหน้านี้เตยเคยคิดมาตลอดว่าอยากเป็นหมอ แต่วันๆหนึ่ง มันก็เปลี่ยนไป เตยตัดสินใจเบนมาเรียนวิศวะ มันไม่ง่ายเลย มันรู้สึกเหมือนเราทิ้งความฝันที่เราเชื่อมาทั้งชีวิตลงไปกับการตัดสินใจในครั้งเดียว --แต่ความจริง เตยก็ต้องยอมรับด้วยว่าเตยอาจจะไม่ได้อยากเป็นหมอจริงๆก็ได้ เตยไม่เคยเรียกมันได้เต็มปากว่าการเป็นหมอคือความฝันของเตย เคยถามตัวเองก่อนทุกครั้งเวลามีคนถามว่าจะเรียนอะไร มันมีความรู้สึกขัดแย้งเล็กๆที่เราพยายามเมินเฉยมันตลอด แล้วพอตอนนี้ ที่เตยตัดสินใจทิ้งหมอไปจริงๆ ก็กลับมาเสียดายอยากกลับไปเป็นหมออีกแล้ว เตยไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าตัวเองเป็นคนยังไงกันแน่ 

อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางหันหลังกลับแล้วเตยต้องเดินทางเส้นนี้ต่อไป การเรียนวิศวะก็ยังไม่เริ่มขึ้นเลย บางทีเตยอาจจะชอบสายนี้มากจริงๆก็ได้? ลองดูก่อนแล้วกันนะ แต่ลึกๆแล้วอยากบินกลับไทยไปสอบ กสพท ณ จุดนั้นเลยตอนที่ความรู้สึกอยากเป็นหมอมันตีคลื่นกลับมาอีกครั้งในใจ ๕๕

ตอนนี้คำว่าความฝันมันดูเป็นคำธรรมดาที่มีพลังมากเลย โดยเฉพาะสำหรับเด็กวัยรุ่นกระเตาะแบบเรา คนที่น่าอิจฉา ไม่ใช่คนที่เรียนได้เกรด 4.00 แต่คือคนที่มีความฝัน นี่คือสิ่งที่เตยคิดมาโดยตลอด รู้กันได้ยังไงว่าความฝันหน้าตาเป็นยังไง หรือเราแค่จินตนาการบางอย่างแล้วคิดว่า "อื้ม เราคิดว่าเราอยากทำแบบนี้ได้นะ" แค่นี้หรอ พอไหม? งั้นถ้าเตยอยากสร้างรถไฟใต้ดินให้เชียงใหม่ มันจะมีพลังพอให้เรียกว่าความฝันได้ไหม? ประโยคนี้มัน push ให้เตยมาเรียนวิศวะที่เยอรมันแล้ว แต่เตยไม่รู้ว่าพอทำตามฝันไปแล้วมันไม่ใช่ เราจะเรียกมันว่าอะไร? ความฝันที่ผิดหรอ ฟังแปลกๆอยู่นะ 

ต้องไปเก็บของต่อแล้ว ด้วยใจเบาหวิว ใจหายอ่ะ ไม่อยากไปแล้ว 😢




2 comments:

  1. ถ้าความฝันนั้นมันไม่ใช่ เราก็แค่หาฝันใหม่ไปเรื่อยๆ สู้ๆนะแบตตี้ :) ช่วงเวลาแห่งความสับสนนั้นมันเป็นได้ตลอดเวลากับทุกคน แต่ทุกอย่างเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป

    ReplyDelete
    Replies
    1. อื้อออ เค้าก็พยายามอยู่น๊า ทำตามที่เราตั้งใจไว้ อย่างน้อยเราก็มีเป้าหมายล่ะเนอะฮึบๆ

      Delete