สวัสดีตอนบ่ายค่ะ
ช่วงนี้เตยปิดเทอมอีสเตอร์แล้ว (ปิดสองอาทิตย์) แต่ดันมีเรื่องต่างๆให้จัดการมากมาย ไม่อยากเชื่อว่าเตยจะผ่านพ้นสองสามวันนี้มาได้เลย ๕๕๕ รู้สึกดีใจมากถึงแม้ว่าปัญหามันจะยังจัดการไม่เสร็จ 100% ก็ตาม เรื่องมันมีอยู่ว่า...
ทุกๆคนที่ลงทะเบียนที่อยู่ (ทะเบียนบ้านของประเทศเยอรมนี) ทั้งชาวเยอรมันและชาวต่างชาติ จะต้องจ่ายค่า Rundfunksbeitrag ซึ่งเจ้าเงินส่วนนี้เป็นการจ่ายสำหรับสื่อมีเดียต่างๆทั้งหมด โทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ หนึ่งห้องพัก (อพาร์ทเมนต์) ต้องจ่าย 17.50 ยูโรต่อเดือน (หนึ่งบ้านไม่ใช่หนึ่งคนนะ บ้านนึงจ่ายแค่คนเดียว) เตยนั้นก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น (ปล. ข้อยกเว้นได้แก่ บุคคลทุพพลภาพและคนที่ได้รับเงินจากรัฐ เช่น Bafög เงินสำหรับนักศึกษา เป็นต้น) ได้รับจดหมายทวงเงินมาสดๆร้อนๆเมื่อประมาณอาทิตย์ก่อน เราเลยรีบเสิร์ชชื่อดูรายละเอียดในเว็บนี้ http://www.rundfunkbeitrag.de/ รัฐบาลเขาได้ตอบใน FAQ มาเสร็จสรรพอย่างน่ารัก ว่าถึงแม้จะไม่มีอุปกรณ์อย่างทีวีหรือวิทยุใดๆเลยก็ตาม แต่ถ้าคุณมีการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตแล้วก็มีค่าเท่ากัน
ตึง
ผมนี่เงิบไปเลยสิ เพราะค่าเน็ตเราก็จ่าย แล้วยังต้องมาจ่ายค่ามีเดียนี่อีก ได้แต่ทอดถอนใจ เนื่องจากว่าเตยเคยย้ายบ้านมาสองครั้งตั้งแต่มาอยู่เบอร์ลิน เตยเลยต้องตามเอาหมายเลขการจ่ายของเจ้าของบ้านเก่า และชี้แจงหมายเลขของบ้านใหม่ เป็นต้น โทรศัพท์คุยกับเจ้าหน้าที่คนเยอรมันแล้ว ใจตุ๊มๆต่อมๆ เพราะคุยโทรศัพท์ทีไรต๊กกะใจทุกที ฮ่าๆ แต่เจ้าหน้าที่เค้าก็น่ารัก บอกว่าไม่เป็นไร ทำเอกสารส่งอันนี้มานะๆ เตยก็โอเค รู้สึกดีมีความสุข แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก่อนหน้านี้เตยต้องถามเจ้าของบ้าน ตามเอาสัญญาบ้านเพื่อจะเอาไปลงทะเบียนบ้านได้
พอได้สัญญาปุ้ป วันนี้ตอนเช้าแปดโมงก็วิ่งหน้าตั้งไปอำเภอเพื่อรออำเภอเปิด(สิบโมง) เตยไปในสภาพแบบ woke-up-like-this ตอนแรกก็รู้สึกอายแค่นิดเดียว แต่กลายเป็นว่า ดันไปนั่งคุยติดลมกับผู้หญิงเยอรมันคนนึงที่มาต่อคิวลงทะเบียนเหมือนกัน เตยนี่เริ่มอายจริงจังละ เพราะผมยังไม่ได้สระ =_= ระยะเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เราได้คุยกันเล่าไปสักครึ่งชีวิตได้ ๕๕๕ ผู้หญิงเป็นเพศที่เม้าท์มอยได้ทุกสถานการณ์จริงๆค่ะ เขาชื่ออารีอาน่า ชื่อเพราะจัง อารีอาน่าทำงานแล้วล่ะ (เรียกซะเหมือนเพื่อน๕๕) เค้าดูตกใจมากที่เราอายุสิบเก้าแล้วมาอยู่คนเดียวที่เมืองนอกได้ไง จะบอกว่า อืม เตยก็ไม่รู้เหมือนกัน =_= เวลาเจอปัญหาหลายๆอย่าง เตยก็นั่งทำหน้าเอ๋อๆไปสักพักบ้าง ค่อยๆทำไปทีละอย่างสองอย่าง สุดท้ายแล้วมันก็เสร็จ ไม่ช้าก็เร็ว โชคดีที่แพะคอยบอกให้เตยไปเคลียร์ปัญหาเร็วๆเตยเลยกระเตื้องไปทำนู่นทำนี่เร็วขึ้น และมีความกล้ามากขึ้นด้วยที่จะชนกับปัญหามันไปเลย วันที่เตยชนความกลัว ความไม่กล้าทุกอย่างแล้วผลออกมา เฮ้ย มันดีกว่าที่กลัวไว้เยอะเลยว่ะ เราพยายามมองโลกในแง่ดีไว้ แล้วมันก็ดีจริงๆ เตยขอบคุณพ่อกับแม่ที่คอยสนับสนุนมาตลอดจริงๆ ทุกๆอย่างที่ผ่านมาจะทำให้เราเติบโตขึ้น เตยยังไม่ลืมประโยคนี้ และจะพยายามเรียนรู้ต่อไปนะคะ
ที่เตยพูดถึงความกลัว ความไม่กล้า ความกังวลต่างๆเวลาต้อง deal กับธุระที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เพราะเราไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน ไม่เคยต้องสัมผัสกฎหมายกับตัวจังๆเลยที่ไทย ทุกอย่างดูไกลตัวไปหมด แต่พอมาอยู่ที่นี่ลำพัง ก็ต้องเจอและจัดการมันเอง เตยรู้สึกว่าโชคดีมากที่ยังมีพี่ๆ สนร. ที่คอยให้คำปรึกษาเตยได้ในทุกๆเรื่อง ถึงจะไม่ใช่ว่าเขาจะจัดการทุกอย่างให้เรา แต่เขาก็ช่วยชี้ทางไปในทางที่ถูกต้อง แล้วเตยก็ยินดีที่จะจัดการมันด้วย ถ้าเรามีแต่คนจัดการให้ทุกอย่าง เมื่อไหร่จะโตล่ะ?
กลับมาที่บทสนทนากับอารีอาน่า เตยบอกว่า ไม่ใช่แค่เตยคนเดียวหรอก เพื่อนๆเตยที่ Studienkolleg ก็อายุประมาณเตย ต้องมาอยู่คนเดียวที่นี่ มันเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดจริงๆ อารีอาน่าบอกว่า เมื่อปีที่แล้วเขาไปอยู่อเมริกามา ๙ เดือนรู้สึกว่ามันเหนื่อยมาก กับการต้องอยู่คนเดียวโดดๆไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนรอบข้าง คงเพราะเค้าเคยผ่านตรงนั้นมา เค้าเลยรู้ความรู้สึกนั้นดี culture shock เค้าก็ผ่านมาแล้ว อีกประเด็นที่เราคุยกันคือเกี่ยวกับนิสัยชาวอเมริกัน อารีอาน่าเล่าให้ฟัง ว่าคนที่นั่นเค้าถือว่าประโยค Hey, how are you? มีความหมายเท่ากับการทักทายสวัสดีเฉยๆเท่านั้น ไม่ได้หมายความอย่างงั้นจริงๆ ตอนแรกก็เอาละสิครับอารีอาน่าจัดเต็ม บางวันเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีก็พูดไปตรงๆ เล่านู่นนี่ว่าเกิดไรขึ้น หันมาอีกที อ่าวคนถามไม่ได้ฟังเดินผ่านไปนู่นละ โอ้ยเตยละเศร้าแทนเลย คือคนเยอรมันเขาก็คิดว่าประโยคนี้ มันคือการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างแท้จริง มันคือการใส่ใจคนๆหนึ่งจริงๆ อีกเรื่องที่เขาเฮิร์ตมาก คือการชวนไปดื่มกาแฟ ชาวมะกันคนนึงเขาก็ชวนแบบ เฮ้ไปดื่มกาแฟกันพรุ่งนี้ คนเยอรมันก็จัดละครับตามนิสัยเขา เขียนลงในปฏิทินไว้เลยว่านัดดื่มกาแฟกับคนนี้ กลายเป็นว่าคนนัดไม่มาครับ เตยแบบ อ้ออ๊อย เตยเข้าใจดีมากๆว่าทำไมอารีอาน่าถึงทำแบบนั้น เพราะเตยก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน คือคนเยอรมันยึดคำพูดว่ามันสำคัญ และหมายความเช่นนั้นจริงๆ เราไม่พูดอะไรพล่อยๆ หรือถึงจะพูดตามมารยาทจริงๆอย่างน้อยก็ควรรักษาคำพูดแล้วไปตามนัด ไม่ใช่หายไปเฉยๆแบบนั้น ถึงจุดๆหนึ่ง อารีอาน่าเลยบอกว่าเขาตั้งกฎกับเพื่อนไว้เลย ว่า
1. เวลาฉันถามว่าสบายดีไหม ต้องตอบตามความจริง ไม่ใช่บอกว่า I'm fine 365 วัน มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนเราจะแฮปปี้ตลอดปีตลอดชาติแบบนั้น
2. เวลานัดไปไหน ต้องมาตรงเวลา <<สุดยอด German stereotype ๕๕๕
และอีกอย่างนึงแต่จำไม่ได้แล้ว ผลลัพธ์กลายเป็นว่าคนอเมริกันก็บอกว่า เออ ก็ดีเหมือนกันนะที่เราได้บอกตลอดว่าจริงๆเราสบายดีไหม เตยคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคนเมกาจะ keep distance หรือมี private zone ที่กว้างขนาดนี้
หลังจากที่เราคุยกันไปกันมา ก็มีหนุ่มชาวอินเดียคนนึงมาถามเกี่ยวกับเอกสารการย้ายบ้าน เราสองคนเลยต้องสลับภาษากลับมาพูดอังกฤษทั้งคู่เพราะหนุ่มอินเดียสปี๊กเยอรมันบ่ได้ เราช่วยเขาที่สุดของที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอได้ช่วยอะไรบ้างเตยก็ปริ่มใจ รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นบ้าง พอเตยจะออกจากอำเภอ เลยแลกเบอร์กะอารีอาน่าไว้ เผื่อจะนัดไปกินเบียร์อะไรทำนองนั้นกันวันหลัง :D
เมื่อคืนนี้เตยก็ออกไปในเมืองกับรูมเมทเมลีสจากฝรั่งเศสผู้น่ารักของเตย กับเพื่อนฝรั่งเศสอีกสองคน กลายเป็นฝรั่งเศสสาม ไทยหนึ่ง ตอนแรกเตยกำลังปวดเฮ้ดเลยว่าจะรอดไหม เราจะอึดอัดไหมถ้าเขาพูดกันเป็นฝรั่งเศสตลอดจะทำยังไง กลายเป็นว่าทุกคนพูดอังกฤษจริงๆ (เพื่อนคนนึงของเมลีสพูดเยอรมันไม่ได้ เลยต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสาร) ขนาดเขาคุยด้วยกันเองยังคุยเป็นอังกฤษเลยอ่ะ เตยรู้สึกตื้นตันใจบอกไม่ถูก ที่คนฝรั่งเศสสามคนต้องมานั่งนึกคำอังกฤษไปด้วยกันทั้งโต๊ะแบบนี้เพราะเราคนเดียว แล้วก็คุยแบบสนุกด้วยไม่ได้คุยแบบผิวเผินทั่วไปที่ไม่ค่อยยาวเกินสองสามประโยค เราคุยกันสามชั่วโมงกว่าๆได้ สนุกดีได้คุยกับเพื่อนชาติใหม่ เพราะที่ผ่านมาเตยไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนฝรั่งเศสเลย ไม่เคยรู้ว่าลักษณะนิสัยเขาเป็นอย่างไรบ้าง เตยโชคดีที่มีเรื่องคุยกับเมลีสเยอะมากๆเพราะเราสนใจอะไรเหมือนๆกัน โดยเฉพาะพวกปรัชญาบ้าง วัฒนธรรมบ้าง คุยได้เป็นวันๆเลยจริงๆ คือแบบติดลมมมม เตยแอบอมยิ้มว่าทำไมช่วงนี้โชคดีจังเจอแต่คนคุยด้วยแล้วติดลมทั้งนั้น ถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่เตยก็จะเต็มที่กับมัน ไม่ใช่มาคิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปไม่ต้องมาใส่ใจมาก กลับกัน เรายิ่งต้องให้ความสำคัญตอนที่เรายังมีมันอยู่ต่างหาก แนวคิดนี้ใช้ได้ทั้งกับคน และความสุขเลย
ถึงแม้เรื่องเครียดๆจะรอเราอยุ่ในวันพรุ่งนี้
แต่คืนนี้ เราจะมีความสุข ก็ใช้เวลาคืนนี้ให้คุ้ม
ปล่อยให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้
Gute Nacht
เข้าใจโมเม้นนี้ดีเลย บางทีก็มีอารมแบบ เราพึ่ง20อยู่เลยนะ แต่ต้องจัดการเรื่องทุกอย่าง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องกินอยู่ เรื่องงาน กฏหมายไทยยังไม่รู้ แต่กฏหมายเมกาต้องเป๊ะ555 ภาษีเป็นอะไรที่งงทุกสุดละ55 สู้ไปด้วยกันนะ อย่างน้อยเค้าก็รู้สึกว่าเค้ามีเพื่อนละ:-)
ReplyDeleteใช่แล้วนุทททททท>< ตอนนี้เค้ารู้จักกฎหมายเยอรมันมากกว่ากฎหมายไทยอีก๕๕๕๕๕๕ สู้ไปด้วยกันนะก้ะ เดี๋ยวถ้าจะทำงานพิเศษเตยก็ต้องไปอ่านเรื่องภาษีอีก เด็กเรียนนอกต้องอดทน เจอกี่ปัญหาต้องไม่ตาย
Delete