30 June 2016

28.06.2016 วันอังคารที่ฉันอยากจดจำ

๒๘.๖.๒๐๑๖

เมื่อวานนี้เป็นวันอังคาร ที่ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา
มันเป็นวันอังคารแบบที่ อยากจดจำไปนานๆ

ได้กินมื้อเย็นกับเฮาส์เมทที่น่ารัก ไมลีส เราเลือกกินร้าน Rises Delicacies ที่ Veteranenstraße 25 โดยเราเดินจากสถานี Oranienburgerstraße ไปพร้อมกันสบายๆ ไมลีสมารับฉันหลังฉันเรียนฝรั่งเศสเสร็จ
เราเดินผ่านร้านอาหารมากมายตามข้างทาง Mitte ของเบอร์ลินมันมีอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด

ไมลีสบอกว่า ฉันรักย่านนี้จริงๆนะ มันเต็มไปด้วยร้านอาหาร ผู้คน และสีสัน
ฉันก็คิดเหมือนกัน รู้สึกอบอุ่นในใจมากเวลาเดินผ่านร้านอาหาร ได้ยินเสียงคนพูดคุย หัวเราะลั่นร้าน
ในวันอากาศดีๆแบบนี้ ไม่เย็นไป ร้อนไป และมีแดด
ลมเย็นโกรกเล็กน้อย ฉันดันใส่กางเกงขาสั้นมา เพราะตอนกลางวันมันร้อนกว่านี้นิดหน่อย

ระหว่างทางเราได้พบเห็นอะไรมากมาย
เราเดินผ่านร้านอาหารที่มี floor ให้คนมาเต้นสวิง ซึ่งเวเรน่าเคยพาฉันมาตอนปี 2013 เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว บรรยากาศร้านนี้ยังคึกคักเหมือนเคย ไมลีสบอกว่าเคยมาเต้นอยู่ครั้งนึง สนุกดี
ฉันก็ชอบ ตอนเข้าไปจะคล้ายๆฟลอร์ให้เต้นเป็นพื้นไม้ ไฟสลัวๆ มีบาร์ มีที่นั่งด้านในเช่นกัน แต่ฉันพนันว่าวันอากาศดีแบบนี้ไม่มีใครนั่งด้านในแน่

เดินผ่านร้านอาหารที่เป็นชื่อ factory อะไรสักอย่าง เราสองคนหันมาพูดพร้อมกันว่า "Es sieht gut aus!" คือคนเต็ม พนักงานวิ่งไปมาแล้วอาหารดูน่ากินมากๆ มายเน่อกื๊ดเท่อ ดูเป็นร้านอาหารชิคๆวัยรุ่นๆ สไตล์มินิมอล โมเดิร์นๆหน่อย

เดินผ่าน Hof ที่มีกราฟฟิติสวยมากๆ เรานั้นไม่อาจปล่อยให้มันผ่านเราไปเฉยๆได้ เราสองคนเลยแวะเข้าไปข้างใน
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Hof นะคะ Hof คือ พื้นที่ว่างตรงกลางของตึกแถวที่ล้อมอยู่ งงไหม? ๕๕ ลองคิดดูนะคะว่าตึกแถวมันไม่ได้ลึกเข้าไปสุด คือมีพื้นที่หลังบ้านเว้นไว้ เป็นที่ว่างตรงกลางแล้วล้อมด้วยอพาร์ทเมนต์ที่ติดกันอีกทีนึง พอจะนึกภาพออกไหม
อย่างว่านะ Berlin เลื่องลือนามเรื่องกราฟฟิติสุดๆ (ไม่รู้ว่าชื่อเสียงหรือชื่อเสียมากกว่ากันด้วย แหะๆ) เพราะเยอะมาก๕๕ คือหลายคนอาจจะรู้สึกว่ามันสกปรก รกหูรกตา เมืองอะไรเนี่ยกราฟฟิติเต็มไปหมด แต่ว่าฉันชอบ

วกกลับมาที่โฮฟที่เราเข้าไปกันเมื่อวาน
เป็นหนึ่งในโฮฟที่ พูดเลย สวยมากที่สุดที่เคยเห็นมา (ขอไม่นับ YAAM แถว Ostbahnhof แล้วกันนะ มันไม่ใช่โฮฟ ๕๕๕ เอ๊ะยังไง) มันดู chaos แต่ก็ดูลงตัวกัน มีเพนต์ตามตึกขึ้นไปถึงชั้นสูงๆด้วย พอเดินเข้าไปตรงลานจอดรถยนต์รถจักรยานด้านในก็เจอผลงานศิลปะอื่นๆตามมาเป็นกระบวน
โอ๊ะฉันรักเบอร์ลินจังเนี่ย
ใครสักคนเอาอ่างน้ำที่ดูลักษณะคล้ายๆสามเหลี่ยมมนๆมาใส่ดิน ปลูกต้นไม้เฉย ฉันแทบไม่ทันรู้ว่ามันเป็นอ่างอาบน้ำเลย ถ้าไม่เห็นที่วางสบู่เสียก่อน
ตรงกลางของลานมีเพิงไม้ดูเอนๆเอียงๆไว้เก็บจักรยาน แน่นเอี๊ยดเลย
ข้างๆเพิงมีแผ่นไม้กลมๆเพนต์เป็นรูปนาฬิกา เขียนอะไรเกี่ยวกับฝรั่งเศสสักอย่าง
ความจริงมีอาร์ตเวิร์คเยอะกว่านี้แต่ฉันลืม จำได้แต่อ่างอาบน้ำกับนาฬิกา ๕๕

ตอนที่ฉันจะควักมือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้ เห็นไมลีสเดินแกว่งมือไปๆมาๆแล้วก็ทัก
ฉันถามไมลีสว่าไม่ถ่ายรูปหรอ
พอถามเสร็จก็อยากตบปากตัวเองทีแรงๆ เพราะไมลีสไม่มีสมาร์ทโฟนนี่หว่าจะให้ใช้อะไรถ่าย
ไมลีสบอกว่า ไม่ล่ะฉันชอบดูมากกว่า การถ่ายรูปมันไม่ใช่สไตล์ฉันเท่าไหร่

ฉันนับถือไมลีสจริงๆที่ไม่กลัวการลืม
ฉันเชื่อว่าเราถ่ายรูปเก็บไว้เพราะเราอยากเห็นสิ่งนั้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อไม่ให้ลืมสักรายละเอียด
เพราะฉะนั้นฉันจึงคิดว่าการถ่ายรูปก็สวยงาม แต่มันจะสวยงามกว่าไหมถ้าเราจดจำสถานที่ หรือผู้คน ด้วยความรู้สึกและความทรงจำล้วนๆ?

ฉันคงจะกลัว ฉันอยากจะจดบันทึกทุกรายละเอียดทุกสิ่งที่ฉันเห็นมา เพราะฉันกลัว
ว่าจะลืม
นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่เลยล่ะความจริงแล้ว

กว่าเราจะไปถึงร้านอาหารเราก็แวะนู่นแวะนี่เป็นครึ่งชั่วโมงได้กระมัง
พอถึงร้านเราก็รู้สึกถูกใจอย่างแรง ยิ่งรู้สึกถูกใจมากขึ้นไปอีกพอเข้าไปในร้าน
ฉันได้เข้าร้านอาหารกรีกมาหลายร้าน แต่ร้านนี้น่ารักที่สุด บอกเลย ทั้งเจ้าของร้าน พนักงาน และการตบแต่งร้าน ราคาอาจจะจี๊ดนิดนึง แต่ก็ถือว่ารับได้ แถมถ้าบริการระดับนี้ ผมยินดี
ฉันกับไมลีสคุยอะไรกันไม่รู้ น้ำไหลไฟดับ ไม่เคยหมดเรื่องจะคุย ฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้เจอกับคนๆนี้ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นมากมาย วันนี้เราไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ หัวเราะกันซะมากกว่า แถมเสียงหัวเราะไมลีสนั้น เหมือนคนเมาได้ที่แล้วชอบหัวเราะ อร่อยสุด บอกเลย แต่เราแฮปปี้แล้วจะทำไม

ไมลีสบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอที่คนอื่นตลก
อ้าว
เออก็ถูกส่วนนึง๕๕

ฉันค้นพบว่าอาหารกรีกเค็มมาก
ตอนแรกฉันดี๊ด๊าเพราะได้ chips ทำจาก zucchini ทอด กินคำแรก นึกว่ากินเกลือแผ่น ตกใจกับอิทฤทธิ์อันแรงกล้าของโซเดียมมากๆ
ฉันกินแซนวิชใส่ชีสใส่ไส้กรอกของกรีก อร่อยมากๆ ขนมปังเจ้าของร้านเค้าโม้ว่าเค้าทำเอง คิดว่าน่าจะจริง เพราะมันรสชาติไม่เหมือนที่อื่น รวมๆแล้วอร่อยมาก เสียดายว่าเจ้าซูคินีทอดมันเค็มไปนิด
เส้นเจ้าของร้านก็ทำเอง ในร้านมีผลิตภัณฑ์อย่างเครื่องเทศ ใบชา และอื่นๆให้ซื้อได้ เป็นช็อปขายของเหมือนโอท็อปบ้านเราเลย ดู authentic ดี

ฉันถ่ายรูปมาหลายรูปนะความจริง ถ้าว่างและไม่ลืมจะลง

ก่อนออกร้านเม้ามอยกับเจ้าของร้านและพนักงานสักพัก ไมลีสไปจ๊ะเอ๋กับคนฝรั่งเศสลุงป้าอีกสองคน นางเพิ่งมาจากปารีส นางบอกว่าไม่ค่อยปลื้มเบอร์ลินเท่าไหร่ ไมลีสบอกว่าคงเพราะเบอร์ลินเป็นเมืองวัยรุ่นพอสมควร คนมีอายุเขาเลยไม่ค่อยชอบ
เจ้าของร้านเขาเคยเรียนที่อังกฤษ เลยชอบพูดอังกฤษมากกว่า ฉันสวิตช์ภาษาเกือบไม่ทัน ภาษาอังกฤษ ไนซ์ทูมี๊ทยูๆ

เราเดินออกจากร้านประมาณสี่ทุ่ม เราเลือกเดินกลับทางอื่น เพราะอยากเดินทางใหม่ๆ
พูดง่ายๆอยากเดินไปไหนก็เดิน
เดินไปทาง Torstraße สักพักก็เลี้ยวไปเลี้ยวมา เจอ Ackerstraße 21 ไมลีสบอกว่า ปิ๊งรัก บ้านในฝันของนาง
ฉันบอกเฮ้ยไวไปไหม ไหนมันมีดีอะไร
มองขึ้นไป เออมันสวย แต่อะไรจะดีขนาดนั้น มองไปฝั่งตรงข้าม มันคือ...
ร้านขายช็อคโกแลตจ้า

ไมลีสบอกเพอร์เฟ็คมากเลย ตื่นเช้ามา กู้ดเท่นมอร์เก้น ช็อคโกลาเด้อ

จ้ะ

ไมลีสถึงกับควักสมุดมาจด บอกว่าสักวันนึงฉันจะมาเช่า

เราเลี้ยวอีกทีที่ถนนอะไรไม่รู้ แวะซื้อไอติมกินก่อนกลับ ถ้าคุณตัดสินใจจะอ้วนแล้ว ก็อ้วนให้สุดค่ะวันนี้

ระหว่างทางเจอโฮฟสวยๆอีกแล้ว แวะกันเหมือนเดิม แต่โฮฟนี้ท่าทางจะเป็นสำนักงาน เข้าไปแล้วรู้สึกเป็นการเป็นงานชอบกล แต่แว่วๆมาแต่ไกลได้ยินเพลงแดนซ์ปาร์ตี้ลอยมา น้องไมลีสแดนซ์ตามเบาๆ ฉันละขำ

เรากลับมาที่สถานีเดิมในที่สุด แล้วนั่ง s-bahn กลับบ้านสบายใจเฉิบ ถึงแม้จะหัวเราะลันทั้งในร้านอาหาร ข้างทาง หรือในรถไฟมาตลอดก็ตาม ไม่นับที่ทำท่าทำทางแปลกๆกันอีก แต่วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ

No comments:

Post a Comment