คือจะด้วยที่ว่าเวลาเดินเราก็เดินไปตามทางเท้า เดินๆไปก็จะมีเสียง แขร่บ แบบที่ว่าจิตใจคนไม่ชอบเหยียบชีวิตใครแบบเตยลอยปิ๋วไปกองที่เท้า นึกท่อง สัพเพสัตตา อเวราโหนตุ อะนีฆาโหนตุ สุขีอัตตานังปริหรันตุ อย่าวคล่องแคล่วว่องไว (เพราะมีเหตุต้องทำบ่อยทุกเช้าและเย็น) แผ่เมตตาแล้วแผ่เมตตาอีก ในใจก็รู้ว่ามันยังไงก็ยังคงบาปอยู่ดีใช่ไหมถึงแม้ว่าเราจะแค่เดินไปตามทางเท้าเท่านั้น สีหอยทากก็บังเอิญกลมกลืนไปกับสีหินและปูนดียิ่งนัก การเหยียบเท้าแต่ก้าวของเตยบางทีก็กลัวเหมือนกัน ทำการทดลองจังหวะการเดินบางครั้งก็ค้นพบว่าถ้าเดินเร็วเกินไปจะมีเปอร์เซ็นต์การเหยียบหอยทากเพิ่มมากขึ้น ๕๐ เปอร์เซ็นต์ (มั้ง)
แต่เรื่องที่ดูจะเล็กขี้ประติ๋วไม่เดือดร้อนขนหน้าแข้งใครแบบนี้ก็ทำให้เตยคิดอะไรได้เหมือนกันนะ ในความมืดยามโพล้เพล้พอกลับบ้านมา เตยก็เดินตามทางเท้าเข้าบ้าน เหยียบหอยทากบางครั้งสามตัวติดกัน รู้สึกแย่ มันก็เหมือนกับว่าที่เตยเดินไปคือชีวิต มันมีทางเท้าเรืองๆให้เห็นอยู่ในความมืด อาจจะเป็นเส้นทางที่เตย(หรือใครคนอื่นหลายคน)วางแผนไว้ แต่ชีวิตไม่มีใครรู้ว่าเราจะไปเหยียบหอยทากหนึ่งตัว(ความผิดเล็ก) หรือสามตัวติดกัน(ความผิดใหญ่) หรือแย่กว่านั้นคืองู (ความผิดใหญ่หลวงที่นำภัยมาให้ตัวเอง) ก็เป็นได้ ถ้าไม่ระวัง หรือระวังแล้วแต่ก็ยังเกิดขึ้น ทุกความผิดมันไม่ใช่สิ่งที่เตยตั้งใจให้มันเกิดขึ้นหรอก แต่ถ้ากลัวแต่จะไม่ก้าวเพราะกลัวทำผิด ชาตินี้คงจะไม่ได้ก้าวแล้วล่ะ
ทุกก้าวของชีวิตคือความเสี่ยง จังหวะการใช้ชีวิตที่เร็วขึ้นอาจทำให้เราพลาดง่ายขึ้น ถึงจุดหมายเร็วขึ้น เจ็บตัวมากขึ้น หรือจะช้าลง ให้มีเวลาไตร่ตรอง ก็สุดแต่คนจะเลือก
มุมมองของเตยที่มีต่อ "ความผิดพลาด" เปลี่ยนไปเยอะมากหลังจากไปแลกเปลี่ยนมา ความผิดพลาดไม่ได้แปลว่าอ่อนแอ ไม่ใช่เลยสักนิด แต่เตยว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตที่พอพลาดไปแล้วเราไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคร่ำครวญเสียใจพร่ำขอโทษใคร แค่จำไว้เป็นบทเรียนแล้วก้าวใช้ชีวิตต่อไป เตยเลยคิดว่ามันดีมากถ้ามีใครมาเตือนเราตรงๆเวลาเราทำผิด การที่จะมานั่งเก็บไปคิดมากคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าอายน่าโกรธก็ไม่ใช่เรื่อง มนุษย์ทุกคนไม่มีใครไม่เคยทำผิดอยู่แล้ว ใช้ชีวิตกับธรรมชาติของชีวิตหน่อยจะเป็นไร
เรื่องการล้มก็เป็นส่วนเหมือนกันในการตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่าง มนุษย์จะเลือกตัดสินใจว่าทางเลือกไหนที่เราล้มแล้วเจ็บน้อยที่สุด แต่บางครั้งการตัดสินใจนั้นช่างยากเย็นนัก เลยโมเมไม่ตัดสินใจมันซะเลย ก็ไม่ดีอีกล่ะ อย่างนั้นเตยขอยอมล้มเจ็บดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
เตยก็เป็นบ่อยเหมือนกันนะ อารมณ์ตัดสินใจเลือกไม่ได้เพราะไม่รู้อันไหนดีกว่ากันเนี่ย พ่อของเตยเลยมักจะบอกว่า "Eat that frog." (กินกบตัวนั้นซะ!) คือตัดสินใจมันไปเลย แม้ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม การเลือกทางใดทางหนึ่งไม่มีคำว่าสูญเปล่าแน่นอนถึงแม้จะล้มเจ็บแค่ไหน มันก็ทำให้เราสบายใจขึ้นที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
เพราะฉะนั้นถ้าใครยังมีทางเดินเท้าหลายเส้นที่ไม่รู้ว่าเส้นไหนจะมีหอยทากเยอะกว่ากัน อย่ากลัวนะที่จะเดินไป กินกบตัวนั้นซะ!
สวัสดี
No comments:
Post a Comment