08 November 2015

๐๘.๑๑.๒๐๑๕ วันอาทิตย์

   วันนี้อากาศสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ แดดออก และเวลาเปิดหน้าต่างในห้องนอนก็ไม่มีไอเย็นกรูเข้ามาเหมือนวันอื่นๆ คิดว่าน่าจะสัก ๑๕ องศา+

   เมื่อวานก็อากาศคล้ายๆแบบนี้แหละ ขาดแค่แดดไม่จัดแบบวันนี้ เมื่อวานเกิดอยากนั่งกินอาหารเช้าแบบเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา เลยไปนั่งจิบโกโก้ร้อนที่ร้านเบเกอรี่ใกล้บ้าน นั่งดูผู้คนเดิน Ku' Damm แบบเนิบๆระหว่างรอผ้าซักให้เสร็จที่บ้าน


   เตยนั่งหย่อนขาไปจัดการของกินไป ก่อนหน้านั้นได้ดูคลิปนี้จากที่เพื่อนแชร์ใน facebook เราก็รู้สึกตื่นเต้น ความคิดในคลิปนี้ไม่ใช่ความคิดใหม่ การที่เราตื่นเต้น หนึ่งเพราะมันเป็นกลอน เตยเชื่อเสมอว่ากลอนเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก ด้วยกฎจำกัดการเขียน จากหนึ่งร้อยความเป็นไปได้ เราไม่ได้เขียนแค่ให้มันเรียงกันต่อไปเฉยๆ เราจะเลือกคำที่สวยที่สุด เพราะที่สุด กินใจที่สุดออกมา ผลลัพธ์ของกลอน จึงน่าทึ่งเสมอ
สองเพราะเราอยากลองเริ่มทำดู เตยรู้ตัวว่าติดมือถือขึ้นมากและใช้บ่อย แต่ถึงจุดนี้หลังจากที่เราดูจบ ก็อยากลองทำดู เตยรู้ว่าอาจจะเลิกติดมือถือทันทีไม่ได้ อันนั้นก็ดูจะอุดมคติไปนิด แต่เนื่องจากเตยนั่งรถไฟทุกวันด้วย ยิ่งมีโอกาสได้สังเกตอะไรมากมาย ระหว่างนั่งกินข้าว ก็เริ่ม 'มอง' เบอร์ลินอีกครั้ง ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เตยไม่ได้แค่มองเพราะลืมตาอยู่ เตยมองดูผู้คนว่าเขาทำอะไร เตยเห็นคนช่วยกันเข็นรถเข็นเด็กขึ้นรถบัส เตยเห็นคนข้างๆยิ้มให้กับผู้โดยสารตรงข้าม เตยเห็นความสวยงาม มากขึ้น จากสิ่งเล็กๆที่เรามองผ่าน ก่อนหน้านี้เตยคิดว่าเบอร์ลินนี่มันช่างเป็นเมืองแห่งบุหรี่เสียจริง อึดอัด ปวดหัวกับควัน แต่ควันที่น่ากลัวควันบุหรี่ ก็คืออคติที่คลุมหัวเราไว้ ก่อนหน้านี้เตยมองแต่ตัวเองเป็นหลัก ยึดมุมมองแต่จากตัวเอง แต่เฮ้ เมืองนี้มีประชากรประมาณสามล้านคน บุหรี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย เราหาความสุขจากชีวิตทั่วๆไปทุกวันดีกว่า มองหาอะไรให้กว้างขึ้น
   อย่างที่บอก เตยก็ไม่รอช้า อยากรู้ อยากลอง ระหว่างนั่งรถไฟใต้ดินไปเอาท์เล็ต ได้นั่งข้างผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ สองสถานีผ่านไป เตยก็อยากลองคุยดู ใจเต้นแรงมากเพราะตื่นเต้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เตยคุยกับผู้โดยสารที่เดินทางร่วมกัน เคยทำหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้มันมีความหมายเปลี่ยนไปเพราะมันไม่ใช่ความบังเอิญ มันเป็นการเริ่มต้นทำอะไรบางอย่างเล็กๆในใจของเรา เตยหายใจเข้าแล้วหันไปถามเค้าว่าขอโทษนะ ขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณมาจากไหน (เค้าดูเป็นต่างชาติ ไม่ใช่คนเยอรมัน) เค้าดูประหลาดใจแต่ไม่ได้มองเราว่า creepy อะไรแบบนั้นนะ เค้าก็ยิ้มละตอบว่ามาจากเมารีเชียส เตยนั่งนึกภาพแผนที่โลกอยู่แปปนึง โอ้โหนี่เป็นคนเมารีเชียสคนแรกในชีวิตของเตยเลยนะ Mauritius นี่เคยรู้จักแค่จากการบ้าน journal ของ Mr.Connelly บร๊ะเจ้าไม่เคยคิดว่าจะเจอคนมาจากประเทศนี้ในรถไฟใต้ดิน หลังจากนั้นก็คุยกันเล็กน้อย เค้าเป็นสจ๊วตทำงานแอร์เบอร์ลินนู่นนี่นั่น หลังจากนั้นเตยก็ต้องลงรถ แต่ลงรถด้วยรอยยิ้มนะ มันอาจจะเป็นแค่ small talk เล็กๆน้อย แต่เตยก็รู้สึกอุ่นในใจว่าเราสามารถได้ฟังเรื่องราวจากคนหลากหลายแบบนี้ได้ง่ายๆอย่างนี้เอง มันไม่ได้ยาก มันไม่ได้ซับซ้อน มันไม่ได้น่าอาย เราไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไกลถึงอีกฟากมหาสมุทร เราก็รู้สึกเหมือนได้เดินทางแล้วผ่านเรื่องเล่าจากคนที่มารวมกันที่นี่ เผลอๆนี่ exclusive สุดๆ เตยชอบฟังเรื่องต่างๆ ชอบน้ำเสียงเวลาเขาพูดถึง หน้าตอนเขานึกถึงเวลานั้น ที่ๆเขาพบเจอสิ่งต่างๆ ความคิดมันเชื่อมโยงไปไกล ทั้งข้ามสถานที่และเวลา มันเจ๋งอ่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าเฮ้ยนี่มันจะโลกสวยไปแล้ว เตยคงจะถามกลับว่า แล้วทำไมจะไม่ล่ะ (why not)? :)

2 comments:

  1. ชอบตรงแนวคิดเรื่องบุหรี่ เจ๋งมากก

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณมากน้าา เรื่องบุหรี่นี่มีช่วงนึงที่เฟลมากจริงๆ๕๕๕

      Delete