อีกไม่ถึงสี่ชั่วโมงครึ่งก็ต้องตื่นแล้ว แต่เราก็ยังตาแจ้งเป็นหนูตอนตีหนึ่งยี่สิบเจ็ดนาที
เฮ้ออออออออออออออออ
ปิดเทอมอยู่บ้านมันทำให้ cycle ร่างกายเรารวนไปหมด นอนนี่ ตื่นนู่น กินนั่น คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง ความร้อนในยามบ่ายมันช่างเย้ายวน และเราก็เผลอหลับไปจริงๆ กินไปหลายชั่วโมงซะด้วย สุดท้ายเป็นไงตาลุกยิ่งกว่ากินกาแฟเซเว่นอีกเธอ =_= เลยว่าจะมานั่งเขียนบล็อคดีกว่า ไม่ได้เขียนมาชาติเศษๆแล้ว
หลังจากจบมัธยมอย่างสมบูรณ์เราก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนักนอกจากการอ่านหนังสือและดูหนังเพิ่มสกิลภาษาอังกฤษ(หรอ) ถึงจะปิดมาได้เพียงสองอาทิตย์ แต่มันก็มากพอที่จะรู้สึกถึงความเอื่อยเฉื่อยได้แล้ว การเขียนหนังสือด้วยมือเริ่มง่อย และพอเขียนที ก็เมื่อยอย่างรวดเร็วเหมือนกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ออกกำลังมานาน แย่ที่สุด!
แต่กระนั้นในความเอื่อยเฉื่อยก็มีความรู้สึกปริ่มอยู่ในใจ ว่าเราไม่ต้องแหกขี้ตาไปโรงเรียนอีกแล้ว จะว่าปริ่มก็ปริ่ม จะว่าโหวงก็โหวง กับประโยคนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็จะผ่านไปและกลายเป็นแค่ช่วงชีวิตหนึ่งในชีวิตอันยาวนาน ความรู้สึกอาลัย ผูกพัน ทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะจางลงไปอย่างที่พี่ธัญได้กล่าวไว้ ว่าระยะทางและเวลาเป็นตัวทำลายความผูกพันที่ดีที่สุด และการจบมัธยม ก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็จะมีข้อความมาเสมอ ว่าเราไปเที่ยวกันไหม และจบลงด้วย
....อย่างนี้แหละครับ
จะบอกว่าแพงมาก TT สำหรับเด็กน้อยเพิ่งจบมัธยมอย่างพวกเรา แต่เราก็เข้าใจและพยักหน้าให้กับสถานที่จริงๆครับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าเราไปตอนกลางคืน เพราะกลางวันมันออกจะเห็นอะไรชัดเจนไปนิสนึง
ตอนนี้ตีหนึ่งสี่สิบหกนาที ภาพข้างบนช่างเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เพราะมันทำให้กระเพาะเราทำงานหนักมาก u____u ลาก่อย
No comments:
Post a Comment