06 May 2016

06.05.2016 หนึ่งปีที่สูญเปล่า



เพื่อนคนหนึ่งเขาบอกเราในโรงอาหาร บอกว่าเขาคิดว่าหนึ่งปีที่ผ่านมามันเสียเวลาเปล่า ถ้าเขาไม่ต้องเรียน Studienkolleg เขาคงจะได้ทำอะไรที่ดูมีประโยชน์มากกว่านี้ เรียนซอฟแวร์ เรียนสถาปัตย์ที่เขาตั้งใจ

เรานี่ใจกระตุกเลยนะ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หนึ่งปีจะผ่านไปโดยสูญเปล่า

ยกตัวอย่างขนาดคนที่นอนอยู่โรงพยาบาลเฉยๆหนึ่งปี เรายังไม่เรียกว่าสูญเปล่าเลย อย่างน้อยเขาก็ได้รู้จักชีวิตมากขึ้น
ก็ชีวิตเราผลักดันให้มาเป็นแบบนี้ เราก็ควรยอมรับมันแหละใช่ไหม

อีกมุมเล็กๆในใจเราก็แอบน้อยใจ เขาไม่ยินดีเลยหรอที่เราได้เจอกัน ได้เป็นเพื่อนกัน ในปีนี้ที่เราเดินเข้ามาในชีวิตของเขา เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในชีวิตที่สูญเปล่าไหม

เรามองหน้าเพื่อนแล้วกระพริบตาปริบๆ แล้วบอกว่า
ไม่จริงหรอก มันไม่ใช่แค่การเสียเวลาเปล่าแน่
เธอได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นแน่ แค่ว่าเธอไม่รู้ตัว
มันก็จริง ว่าเธอไม่ได้ต้องการฟิสิกส์หรือคณิตอะไรมากมายอีกแล้วในชีวิตต่อไปข้างหน้า
แต่ในชีวิตเราเลือกเงื่อนไขไม่ได้ เราไม่สามารถโวยวาย บอกให้ชีวิตมันปรับเงื่อนไขให้เข้ากับเราได้สักหน่อย 
มันกลับกัน

C'est la vie! --นี่แหละชีวิต!

.

เราคิดว่าเราได้รู้จักกับ Positivity มากขึ้นในช่วงหลายเดือนมานี้
เราไม่แน่ใจ ว่าเพราะชีวิตมันเริ่มลงตัวขึ้น หรือเราปรับตัวให้เข้ากับชีวิตได้ดีขึ้นกันแน่
แต่เรารู้สึกได้ ว่าเรารู้จักที่จะยอมรับกับความไม่แน่นอน และการถาโถมเข้ามาของปัญหาได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
เราเข้าใจแล้ว ว่าเราไม่สามารถ control ชีวิตในทุกๆด้านได้

เราเคยบอกเพื่อนคนนั้นว่า ชีวิตมันก็เหมือนคลื่นแหละ มีขึ้น ก็ต้องมีลง เดี๋ยวสิ่งดีๆก็จะเข้ามาเองนะ ไม่ต้องกังวล
เพื่อนคนนั้นถามเรากลับว่า แล้วเธอล่ะเคยมีขาลงบ้างไหม เธอดูสบายดีตลอด
เราบอกว่า มีสิ แค่เราไม่ได้เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง
เราเคยผ่านประสบการณ์ไม่ดีกับแฟลตแชร์ เจอตัวเรือด จอไอโฟนแตก ทำนมหกใส่แมคบุ้คเสียไปหลายร้อยยู มีปัญหาเกี่ยวกับค่า GEZ นี่อีก 
เผลอๆขาลงของเราจะกลายเป็นเรื่องจิ้บๆของคนอื่นอีกต่างหากนะ
ทุกคนมีหมดแหละขาลงน่ะ

.

แต่หลังจากขาลงทั้งหมดมันก็มีขาขึ้นจริงๆ อย่างเช่นตอนนี้ เราขอเรียกว่าขาขึ้นของเรา เรารู้สึกดีเวลากลับบ้าน มีเพื่อนดีๆอยู่รอบข้าง อากาศก็ดี เราหลับสบาย ไม่ต้องกังวลปวดหัวเหมือนแต่ก่อน
เมื่อสองสามเดือนที่แล้วเราร้องไห้กับแพะ บอกว่าทำไมทุกคนต้องมารุมเร้าจะเอาเงินจากเราด้วย เราเหนื่อยกับเงิน 
เราเกลียดเงิน 
เราไม่เคยเป็นคนที่ handle เรื่องเงินได้เก่งเลย ไม่เคยเลย พอต้องมาเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตนเองจริงๆ เลยรู้สึกกลัวมัน รู้สึกว่ามันเลวร้ายมาก 
แต่ตอนนี้เราก็ทำใจได้ดีขึ้นเวลามีปัญหาพวกนี้ เราไม่ค่อย panic มากแล้วเวลาปัญหามันมา เราให้เวลาตัวเองสติแตกแปปนึง แล้วรวบรวมสติ
เอาใหม่นะ คิดใหม่ว่าจะหาทางออกอย่างไรได้บ้าง

เราค้นพบว่า ทริคในการมองบวกไม่ยากมากนัก
๑. อย่าคิดเผื่อเยอะเกินไป ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง อะไรที่ยังไม่เกิด ก็คือยังไม่เกิด มีความสุขกับตอนนี้ที่มันยังไม่เกิดขึ้นซะ
๒. ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น คำพูดที่ว่า "ถือว่าฟาดเคราะห์ละกัน" เป็นตัวช่วยที่ดี ก็มันเป็นอย่างนี้แหละ ทำไงได้ หาทางออกทำอย่างอื่นให้ดีขึ้นดีกว่า อย่าจมอยู่กับปัญหา ไม่งั้นมันจะมีแค่เราเท่านั้นที่ทุกข์

.

พูดถึงการเสียเวลาเปล่าแล้วก็คิดถึงงานภาษาอังกฤษที่ได้จาก Mr.Connelly ตอนสมัยมัธยม
งานมันเยอะมาก มีช่วงหนึ่งที่ได้ทำแบบฝึกหัดจากหนังสือเรียน Stream อะไรสักอย่าง
พอถึงวันกำหนดส่ง แกไม่ตรวจซะงั้น หลายๆคนบ่นมาก ว่าเสียเวลาเสียพลังงานจริงๆ ไม่ตรวจแล้วจะสั่งทำไม
เรากลับรู้สึกเฉยๆมาก เราไม่แคร์ว่าแกจะตรวจหรือไม่ด้วยซ้ำ เราไม่เฮิร์ตเลยที่แกโยนงานเรากลับมาอย่างนั้นทั้งๆที่ปั่นทำแทบตาย
เราคิดว่า สุดท้ายเราก็ได้ประโยชน์เองป่าววะ ได้ทำโจทย์แก้ปัญหามากมาย เรียนศัพท์ใหม่ตั้งเยอะ มันเหนื่อยก็จริงก็เข้าใจ แต่เราไม่เรียกมันว่าการเสียเวลานะ

เราต้องมองเป้าหมาย จุดประสงค์ของการกระทำต่างๆให้ชัด เราถึงจะตัดสินใจได้ ว่านี่เรียกว่าการเสียเวลาหรือไม่

.

If you have a positive attitude and constantly strive to give your best effort, eventually you will overcome your immediate problems and find you are ready for greater challenges.
-Pat Riley

05.05.2016 once in a while

วันนี้แดดออกนะ 
ต้นไม้สีเขียว สีเหลือง สีชมพู ใบไม้ปลิวไปมาอยู่กับที่เวลาลมพัดผ่าน
มีเสียงรถวิ่งผ่านลอดเข้ามาจากหน้าต่างที่แง้มไว้
คันแล้วคันเล่า จนกลายเป็นความเคยชิน
บางครั้งได้ยิน บางครั้งก็ไม่ได้ยิน 
เหมือนเสียงเข็มนาฬิกา ที่ดัง
ติ๊กๆ
อยู่ตลอด 
เหมือนเสียงหัวใจ ที่ดัง
ตุ้บๆ
อยู่ตลอด
แต่เราไม่ได้ยิน

.

ในห้องน้ำ เรานั่งฟังเสียงรถผ่านไปผ่านมาเช่นเดิม 
โอ่ะ เสียงนี้มันดังผิดปกติ ไม่รถเมล์ก็รถบรรทุกแน่ๆ
ไอ้รถเมล์ที่ตอนเช้าไม่เคยมาตรงเวลาสีเหลืองๆ

เรานั่งเอาศอกค้ำไว้บนหน้าตัก
มองเทียนสีม่วงกลิ่นลาเวเดอร์ที่เคยจุดไปหนึ่งครั้ง ข้างๆมีต้นลาเวนเดอร์ที่ซื้อมาจาก ikea
ทั้งสองอย่างตั้งอยู่บนสิ่งที่เคยเป็นจานอาหารแมวสีกรมท่า เข้ากันพอดิบพอดี
ว่าแต่ต้นนี้มันเริ่มบานๆแปลกๆนะ
คงต้องมาเล็มมาดูแลสักหน่อย

สิ่งที่นั่งดูทุกวันตอนเข้าห้องน้ำคือหน้าต่าง
หน้าต่างห้องน้ำเป็นลายคล้ายๆโมเสค กระจกที่เป็นชิ้นเล็กๆจนมองอะไรไม่เห็น
ไม่แน่ใจว่าเพื่อความปลอดภัยของเราเอง หรือคนที่มองเข้ามา
เพราะบางทีเราก็ตกใจเวลามองเข้าไปในหน้าต่างเพื่อนบ้าน

.

วันนี้ตัดผมสั้นแล้วนะ เพื่อนตัดให้
รู้สึกตื่นเต้นปานกลางถึงมาก อยู่ๆก็รู้สึกชอบผมสั้นขึ้นมา
เรารู้สึกได้ถึงผมเป็นเส้นๆตอนกำลังโดนตัด
มันดังครืดๆแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่ได้รับเฉลี่ยปีละครั้ง
ครั้งนี้มันโดนตัดไปเยอะกว่าปกติ

เราคิดว่ามันเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการเริ่มต้นใหม่
ความตั้งใจ แค่คิดไว้มันคงไม่ชัดพอ มันต้องการบางอย่างรูปธรรม
ไหนๆก็ใกล้วันเกิดแล้ว อยากเริ่มต้นทำบางอย่างแปลกใหม่
ทำวันนี้เลยแล้วกัน

.

หลังตัดผมเรากินข้าว เรานั่งกินกันสามคน
มีอาหารจีนหนึ่งอย่าง กับผัดกระเพราไข่ดาวของเราเอง
หลังกินเสร็จเราสามคนนั่งอืดบนเก้าอี้ท่าเดียวกันหมดทุกคน คือเอนหลังพิงพนักแล้วตัวสไลด์ลงมาหน่อยๆ แล้วพูดว่า
"Ich bin satt!" --ฉันอิ่ม!
หลังจากนั้นเราก็ขยับเขยื้อนเข้ามาในห้องช้าๆ 
นั่งคุยกันสักพัก แล้วเพื่อนสองคนก็กลับบ้านไป
เราเปิด playlist เพลงคลาสสิค
แดดกำลังส่องอยู่บนเตียง แดดจ้า จ้ามากๆ
เราคลานขึ้นเตียง นอนตากแดดอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ทาครีมกันแดด ไม่ได้รู้สึกต้องออกไปไหนถึงแม้จะอากาศดี
นอนกอดตุ๊กตาสองตัวนอนตากแดดอยู่อย่างนั้น

.

เราตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะเพลงมันกระหึ่มและปลุกเร้าเกินไป
เพลงคลาสสิคบางทีก็ตึงเครียดเร้าอารมณ์มาก
ก้าวที่ลุกออกจากผ้าห่มมันเย็นวาบเล็กๆ เรารีบเดินไปปิดเพลงแล้วรีบแจ้นกลับเข้ามาในเตียงแสงแดดของเราเพราะหนาวขา
เรานอนแบบใส่แว่นค้างไว้เลยนะตะกี้

เรานอนมองก้อนเมฆขาวบางๆลอยอยู่กลางท้องฟ้าสีฟ้า
เสียงรถยนต์ยังแล่นเหมือนเดิม
นอนมองเมฆมันลอยช้าๆเฉยๆ เราเอ็นจอยวันหยุดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
once in a while ก็ไม่เลว

.

ตอนเย็นทำกับข้าวกินกับไมลีส
ความจริงก็แค่เกี๊ยวซ่ากับสลัดธรรมดา
นั่งดู Danish Girl ที่สวยงามอย่างน่าเศร้า
เราไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดที่เขาพูด แต่ความรู้สึกนั้นมันดังกว่า
รู้สึกว่าการใช้ชีวิตมิใช่การมีชีวิตที่ยืนยาว เวลาอันยาวนานจะมีความหมายอะไรถ้าเราไม่รู้สึกถึงมัน ไม่ได้ใช้มัน
ไมลีสไอทุกๆครึ่งนาทีได้ เธอไม่สบายมาสักพักแล้ว เราเริ่มเป็นห่วง แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เราเลยยอมรับอย่างนั้น และบอกเธอว่าถ้าวันเสาร์ไม่หายน่าจะไปหาหมอได้แล้วนะ
เธอรับปาก แต่เรารู้ว่าเธอไม่น่าจะไป

.

วันนี้เป็นวันที่ดีมากๆนะ
เราคิดว่า เรารู้สึกว่าบ้านนี้เป็น 'บ้าน' จริงๆแล้ว

Ich bin zu Hause.