เสียดายว่าวันนี้ฝนตกเรื่อยๆ ฟ้าครึ้ม เลยไม่ได้ออกไปสำรวจที่ทางในละแวกหอใหม่เลย อากาศก็เย็นจัดลงกระทันหันตั้งแต่เมื่อวานซืน หลังจากต่อยมวยเมื่อวันศุกร์แล้วจู่ๆฝนก็ห่าลงมา รู้สึกดีใจมากที่ซื้อแจ็คเก็ตสำหรับฤดูหนาวที่กันน้ำได้ด้วย (Wellensteyn ของเค้าดีจริงๆ-- หรือจะเป็นแค่ช่วงเห่อของก็ไม่รู้ ๕๕) เลยเดินฝ่าฝนมาได้อย่างปลอดภัย เอาผ้าเช็ดปรื้ดเดียวก็ออกหมดเลย ไม่ซึมเข้าเนื้อผ้า ตรงที่เป็นขนๆก็ตากรอแห้งสักคืนก็เรียบร้อย
หลายคนคงจะคิดว่าเตยมาทำอะไรที่นี่ ๕๕๕ ไกลก็ไกล แพงก็แพง เตยคงจะไม่บอกว่ามันดีที่สุดหรอก ของดีกว่านี้ก็มี แต่มันดีกับ timing และสถานการณ์เตยตอนนี้ที่สุดแล้วล่ะนะ เตยเลยไม่ซีเรียสกับการที่บอกว่า 'เฮ้ยมันไม่คุ้มหรอกน่า' --- เตยว่านิยามคำว่าคุ้มของใครหลายคนคงจะแตกต่างกัน คำว่าคุ้มของเตยในช่วงนี้ ขอแค่ 'รู้สึกสบายใจเวลาอยู่บ้าน' ก็เพียงพอแล้วล่ะ บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายขนาดนั้นเนอะ
แถวนี้ก็ถือว่าสะดวกสบายพอสมควร การเดินทางง่าย มีรถรางหน้าหอเดินไปไม่ถึงนาที รถมาทุกสิบนาที วิ่งตีห้าถึงเที่ยงคืนครึ่ง รถไฟก็มีหลายเส้นพอควรอยู่ เสียแค่ว่านานเท่านั้นเอง สิ่งที่ต้องทำก็คือตื่นเช้า กะเวลาให้แม่นๆ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก ไม่ต้องรอหนาวนานเหมือนรอรถบัสด้วย เตยโอเคนะ อินเตอร์เน็ตก็ใช้ eduroam ถือเป็นอินเตอร์เน็ตในตำนาน (สำหรับเตยนะ) ลื่นไม่มีสะดุด ส่วนอย่างอื่นก็ต้องค่อยๆปรับให้เข้าที่เข้าทางกันไป ต้องซื้อผ้าห่ม หมอน ราวตากผ้า เป็นต้น เตยว่าชีวิตคงจะนิ่งขึ้นเยอะถ้าทุกอย่างเริ่มเข้าที่ การเรียนก็หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ-- ไม่ใช่สิ ต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่แค่หวังเนอะ
เมื่อวานหลังจากย้ายของก็ไปกินข้าวกันต่อ จากการสนทนากับพี่ๆที่ประสบการณ์และความรู้มากกว่าเราแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองอ่านข่าวน้อยไปแฮะ รู้สึกถึงความเด็กน้อยที่วันๆเอาแต่อ่านนิยายหรือดูหนังได้อย่างชัดเจน (ฮา) ก็ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้หลากหลายมากขึ้น ให้ความคิดเรา mature ขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งนิยายนะ creativity ก็สำคัญไม่น้อยอย่างอื่น เพียงแค่ว่าพอเรามีความคิดแบบผู้ใหญ่ ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตคนเดียวได้ปลอดภัยขึ้น ทันโลกขึ้น ตอนนี้เราต้องมารับผิดชอบชีวิตเราอย่างเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เตยรู้ตัวดีว่ายังขาดจุดนี้อีกเยอะ นี่ขนาดว่าเป็นนักเรียนอยู่ก็สบายกว่าคนทำงานมากแล้วนะ พี่ๆเค้าต้องเสียภาษี สัญญาอื่นๆนู่นนี่นั่นอีกตั้งเยอะ ก็เป็นอีกขั้นที่ต้องเรียนรู้ต่อไป เตยก็คงต้องมุ่งมั่นกับการเรียนมากขึ้นด้วย พอคุยกับรุ่นพี่ที่เรียนสายรถไฟแล้วเราก็รู้สึกชอบพวกการวางแพลนมากขึ้นไปอีก รู้สึกว่ามันน่าสนใจ ถ้าว่างๆจะลองหาหนังสือพวกนี้มานั่งอ่านเข้าหัวไว้ดู จะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยว่าชอบจริงไหม
พออารมณ์เราคงที่เราก็เริ่มมองโลกในแง่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ๕๕๕ คงปกติแหละมั้ง พอปัญหามันเริ่มคลี่คลายเราก็เริ่มผ่อนคลายขึ้นตามลำดับ ช่วงที่มีปัญหา เตยก็ unstable มากเหมือนกันนะ แบบใจมันวุ่นวาย เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มันกระทบไปด้วยกันหลายต่อจริงๆ เราต้องระมัดระวังพยายามจัดการไปทีละเรื่อง อย่าไปกวาดพยายามแก้มันทีเดียวทุกเรื่อง สุดท้ายก็เหลวเป๋วไปหมด สติสำคัญมากๆจริงๆ
เดี๋ยวไปนั่งเขียนจดหมายดีกว่า :) มีใครสนใจมาเล่น pen friend กับเตยไหม??